เกม Batman ภาคใหม่ ซึ่งอาจเป็นภาคสุดท้ายของซีรีส์เกมแบทแมนอาร์คแฮม จากสตูดิโอ Rocksteady เกมภาคนี้มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 14 ตุลาคม 2014 สำหรับเครื่อง PC, XBOX ONE และ Playstation 4 โดยมีบริษัท Warner Bros. จัดจำหน่าย เว็บไซต์อย่างเป็นทางการคือ https://www.batmanarkhamknight.com/

ภาคนี้เป็นตอนที่ต่อจากเกมภาคก่อนหน้านี้ Arkham City หลังจากหนึ่งปีผ่านไป Batman Arkham Knight ภาคนี้ ผู้เล่นยังสามารถขับรถ Batmobile ไปบนถนนในเมืองได้อย่างอิสระ โดยเพื่อรองรับระบบขับรถ Batmobile นี้ ทำให้เมืองก็อทแฮมซิตี้ในภาค Batman Arkham Knight นี้ จะมีขนาดที่กว้างใหญ่กว่ามากเมื่อเทียบกับภาคก่อนหน้า Batman Arkham City โดยมีโซนพื้นที่ใหม่ๆ ให้เล่นกันสะใจ ระบบการเล่นต่างๆ ในภาคนี้ก็ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น เช่น การยิงตะขอเพื่อเหินขึ้นตึก การบินร่อน เป็นต้น สำหรับวายร้ายใน Batman Arkham Knight ภาคนี้ ก็มาอย่างครบถ้วน เช่น Scarecrow, Two-Face, Penguin, the Riddler และ Harley Quinn อย่างไรก็ตาม Batman Arkham Knight ภาคนี้ ไม่มีระบบ Multiplayer ตามที่ผู้อำนวยการสร้างของ Batman Arkham Knight ภาคนี้ Sefton Hill ได้กล่าวกับ GameInformer ว่า “เราไม่มีเวลาที่จะสร้างระบบ Multiplayer เราต้องการโฟกัสในการสร้างระบบ Singer-player ให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ เราไม่คิดว่าระบบ Multiplayer เป็นสิ่งจำเป็น”

Batman Arkham Knight ภาคสุดท้ายของซีรีส์แบทแมนอาร์คแฮม

รีวิวข้อดีของ Xbox One

  • Kinect เป็นจุดเด่นและมีประโยชน์ในการสั่งงานอย่างมาก
  • ระบบ Multi-tasking ของ Xbox One ใช้งานง่ายและเร็วดี
  • เกมต่างๆ ที่เล่นบน Xbox One ทำงานได้ดีเยี่ยมและมีกราฟิกที่ดีและคมชัดดี
  • Voice control ทำงานได้อย่างดีมาก
  • TV และ OneGuide ทำงานได้ราบรื่นดี
  • Skype ระบบรู้จำใบหน้า และฟังก์ชั่นอื่นๆ มีประโยชน์ดี

รีวิวข้อเสียของ Xbox One

  • เกมของ Xbox 360 ไม่สามารถนำมาเล่นกับ Xbox One ได้ ทั้งๆ ที่จ่ายเงินซื้อมาอย่างถูกต้องตามลิขสิทธิ์
  • Voice controller และระบบรู้จำใบหน้าไม่สามารถใช้ได้กับ Xbox One รุ่นที่ไม่มี Kinect (Kinect-less version)
  • ระบบควบคุมด้วยท่าทาง หรือ Gesture controls ยังไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อเปรียบเทียบกับ DualShock 4 ของ Playstation 4
  • ราคาของ Xbox One ยังแพงกว่าเครื่องเล่นเกมคู่แข่งอย่าง Playstation 4 อยู่ค่อนข้างมีนัยสำคัญ
  • Xbox One ยังมีเนื้อหาใน App Chanel น้อยไป
  • การใช้ Kinect เป็นเครื่องมือเล่นเกม ยังคงไม่สมบูรณ์แบบนัก

เรื่องของ Xbox One

ต้องเรียกว่าไมโครซอฟต์คิดใหม่ทำใหม่กับเครื่องเล่นเกม คือแทนที่การสร้างเครื่องเล่นเกมให้มีประสิทธิภาพขึ้นเรื่อยๆ เหมือนที่บริษัทอื่นๆ ทำกัน อย่าง Playstation 4 ของโซนี่ แต่ไมโครซอฟต์เลือกที่จะสร้าง Xbox ตัวใหม่ให้เป็น Xbox One ที่ไม่เพียงเป็นเครื่องเล่นเกมที่มีประสิทธิภาพกว่าเดิม แต่ Xbox One เป็นศูนย์รวมความบันเทิงอย่างครบคันภายในเครื่องเดียว ด้วยแนวคิด “The all-in-one entertainment system

Xbox One ยังมาพร้อมกับกล้อง Kinect สำหรับตรวจจับการเคลื่อนไหวและเสียงของผู้เล่น และคอนโทรลเลอร์สุดล้ำ นอกจากนี้ Xbox One ต้องการการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการใหม่ที่คล้ายกับ Windows 8 ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่าง Xbox และ Windows หน้าจอติดต่อกับผู้ใช้งานแบบ Metro UI

Xbox One เป็นระบบ Multi-tasking สมบูรณ์แบบ นั่นทำให้คุณใช้ Xbox One ทำหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน เช่น ดูรายการทีวีต่างๆ ในขณะเล่นเกม ใช้งาน Skype ในขณะดูหนัง ฟังเพลง เช่นเดียวกับที่คุณใช้งานคอมพิวเตอร์พีซี Xbox One มีระบบที่เรียกว่า SmartGlass ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน หรือ แท็บเล็ต เข้ากับ Xbox One แล้วแสดงผลหน้าจอของอุปกรณ์พกพาเหล่านั้นด้วย Xbox One

ระบบ Xbox Live บน Xbox One จะเก็บข้อมูลต่างๆ ใน Cloud ไม่ว่าจะเป็น ID ของผู้ใช้ คอนเทนต์มัลติมีเดีย บันทึกข้อมูลต่างๆ ของเกม Achievement เป็นต้น และจะมีการ Sync ข้อมูลกันระหว่าง Xbox One กับ Cloud เพื่อนำข้อมูลต่างๆ ไปใช้งาน ทำให้ Xbox One ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

เกมของ Xbox One ต้องถูกติดตั้งลงบนเครื่องก่อนจึงจะเล่นได้ โดยจะถูกผูกติดกับ ID ผู้เล่น ผ่านระบบ Xbox Live นั่นทำให้แผ่น Blu-ray หรือไฟล์ download ที่ซื้อผ่านออนไลน์ จะนำไปเล่นกับ ID อื่นไม่ได้ เป็นระบบป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ที่มีประสิทธิภาพ

Xbox One, Controller, Kinect

สเปคของ Xbox One

  • ซีพียู 8 Core
  • จีพียู D3D 11.1 หน่วยความจำ 32 MB
  • แรม 8 GB DDR3
  • หน่วยความจำภายใน HDD 500 GB
  • ไดรฟ์ Blu-ray/DVD combo\r\nUSB 3.0
  • Ethernet, Wi-Fi 802.11n สัญญาณ 3 ช่อง (สำหรับเชื่อมต่อคอนโทรลเลอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ), Wi-Fi Direct
  • HDMI input/output รองรับความละเอียดระดับ 1080p และ 4K

การออกแบบ Xbox One

การออกแบบ Xbox One แตกต่างจาก Xbox 360 และ Xbox Slim นั่นคือ Xbox One ถูกออกแบบในสไตล์ Xbox ดั่งเดิม คือเป็นกล่องดำสี่เหลี่ยมแนวนอน น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม ด้านหน้าตรงซ้ายมือเป็นไดฟ์สำหรับแผ่น Blu-ray ด้านขวาถูกเคลือบเงา มีปุ่ม Xbox อยู่ สำหรับเปิดเครื่อง มีพอร์ต USB อยู่ด้านซ้าย ส่วนด้านหลังมีพอร์ต HDMI พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อ Kinect พอร์ต Ethernet สำหรับเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ค พอร์ต Optical Audio พอร์ต USB และพอร์ต Power

Kinect เป็นกล่องแนวนอนกว้างน้อยกว่าตัวเครื่อง Xbox One บน Kinect จะมีกล้องอยู่ด้านซ้าย ด้านขวาจะเป็นโลโก้ Xbox มีหลอด LED สามหลอด ฐานของ Kinect สามารถปรับขึ้นลงได้

xbox one console

คอนโทรลเลอร์ของ Xbox One

คอนโทรลเลอร์ของ Xbox One ใช้งานสบายมือ ถูกออกแบบมาให้มีรูปแบบการใช้งานและพื้นผิวเกือบทั้งหมดถูกเคลือบผิวด้าน เหมือนกับคอนโทรลเลอร์ของ Xbox 360 เปลี่ยนแปลงแค่ปุ่ม Start และ Back ให้เป็นปุ่ม Menu และ View โดยยังคงทำหน้าที่เหมือนเดิม ปุ่มควบคุมทิศทางหรือ D-pad มีลักษณะเหมือน Nintendo ซึ่งถูกปรับปรุงให้ดีกว่าเดิมมาก ตัวควบคุมอนาล็อก หรือ Analogue Stick ถูกเปลี่ยนด้วย เล็กกว่า แน่นกว่า มีความหนืดน้อยลง และยืดหยุ่นได้เร็วกว่า ตัว bumpers หรือปุ่มกดด้านบนโดยใช้นิ้วชี้ ตอบสนองการกดได้ดีและมีแรงต้านมากกว่ารุ่นก่อน ตัว Triggers เด้งกลับได้ดีและรู้สึกนุ่มเมื่อใช้งาน

xbox one controller

Interface ของ Xbox One

หน้าตา Interface ของ Xbox One เหมือนกับ Windows 8 ถูกออกแบบให้เป็นแนว Metro UI แผงตัวเลือกสี่เหลี่ยมง่ายที่อ่านและเลือก App ต่างๆ โดยแผงตัวเลือกขนาดใหญ่บอกว่าเกมหรือ App อะไรกำลังทำงาน และมี Xbox Live Store อยู่ด้านขวา

xbox one interface

คลิป Preview ว่า Xbox One มีอะไรในกล่องมาบ้าง

Xbox One Kinect

Kinect ของ Xbox One มีขนาดใหญ่กว่าของ Xbox 360 กล้องของ Kinect จะตรวจสอบจำนวนคนภายในห้อง ลงชื่อเข้าใช้โดยการตรวจสอบใบหน้าของผู้ใช้ คุณสามารถดาวน์โหลด App ฟรี ชื่อ Xbox Fitness app เพื่อให้ระบบตรวจสอบประสิทธิภาพการออกกำลังกายของผู้ใช้ โดยใช้กล้องวัดระบบสี RGB และกล้องอินฟราเรด เพื่อวัดรายละเอียดเล็กๆ อย่างเช่น สีแดงของแก้ม เพื่อหาอัตราการเต็มของหัวใจ

xbox one kinect

ระบบ Kinect ใช้การ QR Codes เพื่อใช้งานระบบสมาชิกของ Xbox Live หรือ Digital Downloads ซึ่งง่ายกว่าการป้อนโค้ด 25 หลักเพื่อใช้งาน เมื่อคุณนำบัตรให้กล้องของ Kinect ระบบ QR Codes นี้ใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการตรวจสอบรหัส

เกมส่วนใหม่ของ Xbox One สามารถใช้ Kinect ได้ เช่น เกม Forza 5 สามารถติดตามการเคลื่อนที่ของศีรษะผู้เล่นเพื่อเปลี่ยนมุมมองภายในรถตามการเอนซ้ายและขวา เกม Ryse: Son of Rome ผู้เล่นสามารถสั่งการทหารติดตามด้วยคำสั่งเสียง (Voice Commands) เกม Dead Rising 3 ผู้เล่นสามารถร้องตะโกนไปยัง Zombies เพื่อเรียกร้องความสนใจ ทำให้ Zombies วอกแวกเพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิตที่ติดตามเมื่อตกอยู่ในอันตราย เกม FIFA 14 และ Need for Speed Rivals ผู้เล่นสามารถใช้ Kinect ของ Xbox One เพื่อเลือกเมนูได้

การใช้ Skype บน Xbox One

Xbox One และ Kinect สามารถใช้โปรแกรมแชทยอดนิยมอย่าง Skype ได้ Kinect สามารถเป็นกล้องสำหรับวิดีโอแชทได้เป็นอย่างดี ด้วยความฉลาดของอุปกรณ์ Kinect สามารถส่ายกล้อง ซูมเข้าออก เพื่อหาใบหน้าในระบบรู้จำใบหน้า ข้อดีอีกอย่างคือ Kinect จะไม่แสดงภาพออกมาทั้งหมดของที่จับภาพได้ แต่จะแสดงเฉพาะส่วนของใบหน้าของผู้ใช้หนึ่งคน หรือหลายคนก็ได้ กล้องของ Kinect จะเป็นระบบซูมและส่ายกล้องแบบดิจิตอลทั้งหมด ดังนั้นจะไม่มีเสียงรบกวนจากการปรับระดับของเลนส์เลย

สรุปเกี่ยวกับ Xbox One

Xbox One เป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับ Playstation 4 แต่แทนที่ไมโครซอฟต์จะสร้าง Xbox One ให้เป็นเครื่องเล่นเกมที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นเหมือนบริษัทอื่นๆ แต่ Xbox One ถูกพัฒนาให้เป็นศูนย์รวมความบันเทิงอย่างสมบูรณ์แบบ โดย Xbox One เป็นเครื่องเล่นเกมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า Xbox 360 นอกจากนั้นยังสามารถ ดูหนัง ฟังเพลง ดูรายการทีวี โปรแกรมแชท Skype เป็นต้น การที่ไมโครซอฟต์ต้องการให้มีเครื่องเล่นเกมเป็นศูนย์รวมความบันเทิงในห้องนั่งเล่นของบ้าน เป็นสิ่งที่เข้าทีและจะเป็นแนวทางให้บริษัทอื่นๆ ทำตามอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม Xbox One ยังมีฟังก์ชั่นการทำงานหลายๆ อย่าง ยังไม่สมบูรณ์แบบ เมื่อเทียบกับราคาที่ค่อนข้างแพง

การใช้ Kinect เพื่อสั่งงานการทำงานต่างๆ ของมัลติมีเดียบน Xbox One ก็ทำได้ดีและจะเป็นแนวโน้มในอนาคตของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสื่อบันเทิงต่างๆ การสั่งการด้วยเสียงและ Multi-tasking เป็นการพัฒนาที่ล้ำยุคมาก แต่ก็ยังมีการทำงานบางอย่างของ Kinect ที่ผิดพลาดอยู่ แต่ถ้าโฟกัสเพียงเรื่องการเล่นเกมบน Xbox One ก็เป็นเครื่องเล่นเกมที่น่าใช้ที่สุดเครื่องหนึ่งในตลาด

รีวิวและข้อดีข้อเสียของเครื่องเล่น Xbox One

วันที่ 30 กันยายน 2557 ใน San Francisco ไมโครซอฟได้เปิดตัว Windows 10 ระบบปฏิบัติการใหม่ ต่อจาก Windows 8 แทนที่จะเป็น Windows 9 ได้มีการตั้งสมมติฐานกันว่าสาเหตุที่ไมโครซอฟไม่ตั้งชื่อระบบปฏิบัติการใหม่เป็น Windows 9 เพราะ [1] ปัญหาทางเทคนิคบางประการ ที่ซอฟต์แวร์หนึ่ง ๆ จะตรวจสอบก่อนการทำงานว่า กำลังทำงานบนระบบปฏิบัติการอะไร และอาจไม่ยอมทำงาน หากเกิดการเข้าใจผิดต่อ Windows 9 ว่าเป็นวินโดวส์อื่น ๆ ในอดีต ได้แก่ Windows 95 และ Windows 98 เนื่องจากซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นให้ทำงานบนระบบปฏิบัติการที่สูงกว่า Windows 9x ด้วยเหตุนี้ทำให้ไมโครซอฟตั้งชื่อระบบปฏิบัติการใหม่ว่า Windows 10 นั่นเอง อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงข้อสมมติฐานเท่านั้น

ล่าสุด Windows 10 อนุญาติให้ดาวน์โหลดรุ่นทดลองใช้ได้ฟรี แต่มาพร้อมกับข้อตกลงการอนุญาติใช้งาน EULA หรือ End-user License Agreement หรือข้อตกลงผู้ใช้ปลายทาง นั่นก็คือไมโครซอฟจะขอดักจับการคลิก การพิมพ์ การใช้งานต่าง ๆ ของผู้ใช้ เพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงการพัฒนา Interface ของวินโดวส์ ดังนั้น ผู้ดาวน์โหลดรุ่นทดลองใช้นี้ จึงต้องพิจารณาข้อนี้ด้วย [1]

หลังจากการตอบรับที่ไม่ดีนักของผู้ใช้สำหรับ Windows 8 ทำให้ไมโครซอฟต้องพยายามที่จะรับฟังผู้ใช้งานมากขึ้นเมื่อพัฒนา Windows 10 โดยรุ่นทดลองใช้นี้ มีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นพอสังเขป ดังนี้

การกลับมาของ Start Menu

ปุ่ม Start Menu ได้ถูกนำกลับมาอย่างเต็มรูปแบบบน Windows 10 เพื่อแก้ไขข้อร้องเรียนมากมายจากผู้ใช้ Windows 8 ที่ไม่มีปุ่ม Start Menu แม้ว่าไมโครซอฟออก Patch อัพเดตให้เป็น Windows 8.1 ที่มีปุ่ม Start Button แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจของผู้ใช้งานนัก

ปุ่ม Start Menu บน Windows 10 มีรูปแบบการทำงานคล้ายกับปุ่ม Start Menu บน Windows 7 ซึ่งถือได้ว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จ เพียงแต่ปุ่ม Start Menu ใหม่ เมื่อคลิกเปิดขึ้นมา จะพบว่าเป็นการผสมผสานกันระหว่าง Start Menu แต่เดิม กับ Start Screen จาก Windows 8 การใช้งานก็เหมือนกับ Start Menu และ Start Screen ทั่ว ๆ ไป แต่สามารถปรับขนาดให้ยืดหดได้ตามต้องการได้ [1]


ปุ่ม Start Menu กลับมาแล้วใน Windows 10 [2]

การปรับปรุงตำแหน่งปุ่ม Shut Down, Sleep และ Restart ให้หาง่ายขึ้น

เมนูตัวเลือกสำหรับการ Shut Down, Sleep และ Restart ที่ผู้ใช้หาไม่เจอใน Windows 8 ก็ได้ถูกเพิ่มไปบน Start Menu ให้อยู่ข้าง ๆ ชื่อผู้ใช้เลย ทำให้หาได้ง่ายมากขึ้น [1]



คุณสมบัติใหม่ที่เรียกว่า Continuum

คุณสมบัติ Continuum ใน Windows 10 นั้น เป็นโหมดการทำงานที่วินโดวน์จะปรับเปลี่ยนหน้าจอการทำงานให้เหมาะสมตามอุปกรณ์ได้ที่กำลังใช้งานได้ นั่นคือ Windows 10 จะปรับเปลี่ยนให้สามารถใช้งานได้กับเมาส์กับคีย์บอร์ดได้ถ้าทำงานบนคอมพิวเตอร์พีซีหรือโน้ตบุ๊ค และจะปรับเปลี่ยนให้สามารถใช้งานด้วยจอสัมผัสหรือ Touch Screen ได้ ถ้าทำงานบนแท็ปเล็ต

ตัวอย่างประโยชน์ของ Continuum เช่น ถ้าคุณมีแท็ปเล็ต อย่าง Surface Pro 3 ที่ต่อคีย์บอร์ดแล้ว หน้าจอของ Windows 10 จะปรับโหมดเป็นโหมด Desktop แต่เมื่อใดที่ไม่ได้ใช้คีย์บอร์ด Windows 10 จะแสดง pop up บนหน้าจอเพื่อถามผู้ใช้ว่าต้องการกลับไปสู่โหมด Tablet หรือไม่ ถ้าผู้ใช้ตอบว่า Yes ผู้ใช้ก็จะกลับไปสู่โหลดที่ใช้ Touch Screen ตามต้องการ [3]



เพิ่มความสามารถให้ Snap การจัดการหน้าต่างวินโดวน์

ใน Windows 7 มีฟีเจอร์หนึ่งที่เรียกว่า Snap ที่ผู้ใช้สามารถจัดเรียงหน้าต่างวินโดวน์ให้อยู่ด้านข้างของหน้าจอเพื่อช่วยให้ทำงานบางอย่างได้สะดวกขึ้น เช่น การเปรียบเทียบเอกสาร 2 ชุด การเปิดหน้าต่าง Windows Explorer 2 หน้าต่างเพื่อเคลื่อนย้ายไฟล์ข้อมูล เป็นต้น ใน Windows 10 มีการปรับปรุงฟีเจอร์นี้ ให้มีความสามารถมากขึ้นและเรียกว่า Snap Asist โดยนอกจาก Snap หน้าต่างของ app ไปด้านซ้ายและขวา (Horizontal Snap) แล้ว ยังสามารถ Snap หน้าต่างไปด้านบนและล่าง (Vertical Snap) และ snap ไปยังมุมทั้ง 4 ด้านของหน้าจอ (2x2 Snap)ได้อีกด้วย


Horizontal Snap [5]



Vertical Snap [5]



2x2 Snap [5]


นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์ใหม่อีกอย่างคือ เมื่อ Snap หน้าต่างของ app หนึ่งแล้ว Windows 10 จะแสดงหน้าต่างที่เปิดอยู่ของ app ที่เหลือ ให้ผู้ใช้เลือกว่าจะ snap ด้วยหรือไม่ เมื่อผู้ใช้คลิกเลือกหน้าต่างที่เหลือ Windows 10 ก็จะ snap ให้เอง นี่ทำให้สะดวกและรวดเร็วขึ้นกว่า Windows 7 และ Windows 8 ที่ต้องลากเพื่อจะ snap ด้วยตัวเอง



ฟีเจอร์ใหม่ในการ Snapหน้าต่างของ App ต่าง ๆ ใน Windows 10

Frequent Foldersและ Recent Files ใน Windows 10

ใน Windows 10 เมื่อเปิด File Explorer ใน Windows 10 ขึ้นมา สิ่งแรกที่พบคือ เมนู Home ขึ้นมาเป็น Default แทนที่จะเป็นเมนู This PC หรือชื่อเดิมก็คือเมนู Computer ในวินโดวน์รุ่นก่อน ๆ ที่แสดง Drive ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเครื่อง ในเมนู Home สิ่งที่จะพบก็คือ กลุ่ม Items ที่ชื่อว่า Favorites, Frequent Foldersและ Recent Files สิ่งที่ผู้ใช้หลาย ๆ คนไม่ชอบนัก ก็คือ Frequent Folders ที่จะแสดงโฟลเดอร์ที่ใช้บ่อย และ Recent Files ที่จะแสดงไฟล์ที่ใช้งานล่าสุด โฟลเดอร์เหล่านี้อาจแสดงไฟล์ที่อาจเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้ ดังนั่น จึงมีผู้ใช้หลาย ๆ คนพยายามที่จะซ่อนพวกมัน ซึ่งก็มีหลาย ๆ บทความได้เขียนบทความเกี่ยวกับวิธีการซ่อน Frequent Foldersและ Recent Files ใน Windows 10 ไว้ ถ้าหากต้องการจะทำตามบทความเหล่านั้น ก็ต้องระมัดระวังพอสมควร เพราะบางบทความ มีการแก้ไข Windows Registry ที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มีความชำนาญพอสมควรเท่านั้น


File Explorer ของ Windows 10 [6]


อ้างอิง

[1] The RevieWER #19, Beartai, http://www.youtube.com/watch?v=mDO7jVMZCbw
[2] http://www.extremetech.com/computing/190865-windows-9-changes-and-new-features-everything-we-know-so-far
[3] http://www.windowscentral.com/windows-10-continuum-mode-hybrid-notebook-tablet-devices-shown-video
[4] http://windows.microsoft.com/en-us/windows7/arrange-windows-side-by-side-on-the-desktop-using-snap
[5] http://www.howtogeek.com/198230/how-to-use-snap-assist-and-2x2-snap-on-windows-10/
[6] http://www.ghacks.net/2014/10/15/remove-favorites-frequent-folders-or-recent-files-in-windows-10-explorer/

สิ่งใหม่ใน Windows 10 และสิ่งที่เปลี่ยนไปจาก Windows 8 (พอสังเขป)